Monday, May 11, 2009

โชว์ลามกใน"แคมฟร็อก" เรื่องน่าห่วงของเด็กมัธยม-น.ศ.



โปรแกรม แคมฟร็อกตกเป็นข่าวเกรียวกราว เมื่อวัยรุ่นไทยใช้โปรแกรมนี้เป็นช่องทางโชว์ลามกอนาจารแบบออนไลน์ผ่าน อินเตอร์เน็ต ที่สำคัญถึงขณะนี้เด็กไทยกลายเป็นกลุ่มคนที่ใช้โปรแกรมนี้มากที่สุดในโลกไป แล้ว

ผู้ใช้โปรแกรมแคมฟร็อกเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กในสังคมวัยรุ่นส่วน ใหญ่ ในขณะที่คนกลุ่มเล็กๆ เหล่านี้อาจชื่นชม หรือหมกมุ่นอยู่กับเรื่องทางเพศ แต่สำหรับนักศึกษาส่วนใหญ่ก็มีความคิดเกี่ยวกับโปรมแกรมนี้แตกต่างออกไป

อย่าง น.ส.น้ำทิพย์ พัฒนะเวช นักศึกษาโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ ม.ราชภัฏวไลยอลงกรณ์ (มรว.) บอกว่า ทราบเรื่องของโปรแกรมแคมฟร็อกจากข่าว แต่ก่อนเคยมีรุ่นน้องมาเล่าให้ฟังบ้าง แต่ไม่ละเอียดมากนัก แค่รู้ว่ามีการโชว์ลามกอนาจารในห้องสนทนาในโปรแกรม พอรู้ข่าวได้ลองเข้าโปรแกรมแคมฟร็อกเช่นกัน แต่ไม่สามารถเข้าไปดูได้เพราะถูกบล็อกไปแล้ว

"โดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบ ดูเว็บแบบนี้เลย เพราะไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรให้กับตัวเรา เอาเวลาไปศึกษาหาความรู้ที่มีประโยชน์จะดีกว่า แทนที่จะไปเปลืองเวลากับเรื่องไร้สาระ เชื่อว่าโปรแกรมนี้คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเพื่อนๆ อยากให้เลิกสนใจ อย่าหลงผิดเข้าไปข้องแวะ และตกเป็นของเล่นให้คนอื่นวิพากษ์วิจารณ์"

น. ส.ดวงใจ หลำบางช้าง นิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มรว. บอกว่า โปรแกรมแคมฟร็อกถ้ารู้จักใช้ให้เป็นก็จะเกิดประโยชน์สำหรับผู้ใช้ แต่ปัจจุบันถูกนำไปใช้ที่ไม่ถูกวิธี โดยเฉพาะพวกวัยรุ่นที่ชอบลอง มีพฤติกรรมที่คนทั่วไปมักจะไม่ทำกัน ทำตัวเป็นพวกชอบโชว์ กล้าในสิ่งที่ผิด สำหรับตนไม่เคยเข้าไปดู และไม่เคยคิดที่จะเข้าไปดู เพราะติดตามจากหนังสือพิมพ์และข่าวทางทีวีก็ทราบแล้ว

"ใครมาถามก็ ตอบเท่าที่เราทราบจากข่าว ไม่จำเป็นที่จะไปศึกษาด้วยตัวเอง ทั้งนี้คิดว่าแคมฟร็อกประเภทนี้คงไม่ได้ทำประโยชน์สำหรับตัวเราแน่ มีแต่จะนำเรื่องเสื่อมเสียมาสู่ตัวเรา"

นายณัฐพล ปานย้อย นิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มรว. กล่าวว่า พวกที่โชว์อนาจารในโปรแกรมแคมฟร็อก คงเป็นประเภทโรคจิตอ่อนๆ เพราะก่อนจะมีการใช้แคมฟร็อกอย่างแพร่หลายเราจะเห็นได้บ่อยสำหรับพวกชอบโชว์ ตามที่สาธารณะหรือประเภทที่แต่งตัวล่อแหลม เมื่อมีแคมฟร็อกเข้ามาจึงได้โอกาสโชว์ คิดว่าตัวเองหน้าอกใหญ่ หุ่นสวย อยากได้รับคำชมจากผู้อื่น และอยากให้คนพวกนี้เลิกได้แล้ว เพราะมีคนที่ต้องการให้ประโยชน์จากแคมฟร็อกก็มี เพราะเมื่อตกเป็นข่าวส่งผลให้โปรแกรมแคมฟร็อกอื่นๆ ที่ใช้ในทางที่ถูกที่ควรต้องถูกปิดไปด้วย


นาย อิศรา จินตนาวิลาศ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ราชภัฏจันทรเกษม (มจษ.) เล่าว่า เคยเข้าไปดูโปรแกรมแคมฟร็อกครั้งหนึ่งตอนไปเล่นเกมที่ร้านเกมหลัง มหาวิทยาลัย เห็นเพื่อนเข้าไปดูจึงลองเปิดเข้าไปดูบ้าง ซึ่งจะมีการโชว์เปลื้องผ้า บางครั้งก็โชว์ร่วมเพศ ดูแล้วรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่กลับคิดว่าเป็นสิ่งที่ล่อแหลม ไม่ดี เพราะไม่มีอะไรปิดกั้นจะเห็นหมดทุกอย่างที่ทางนั้นทำ


โดยเฉพาะ ทำให้เสียภาพลักษณ์ของคนไทย และทำให้คนดูหมกมุ่นแต่เรื่องเพศเพียงอย่างเดียว แต่พวกที่เข้าไปไม่ได้หมายความว่าจะเข้าไปดูโชว์เพียงอย่างเดียว บางคนเข้าไปหาเพื่อนคุยเท่านั้น จะเหมารวมไม่ได้ แต่ยอมรับว่าส่วนใหญ่จะเข้าไปดูโชว์เพราะบางคนอยากรู้อยากเห็น ซึ่งสื่อก็มีส่วนที่ทำให้คนอยากรู้เพราะมีการนำเสนอข่าว


"คนที่ เข้าไปดูจะเป็นนักเรียนระดับมัธยมปลายขึ้นไป หากเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่น่าเป็นห่วง แต่ถ้าเป็นเด็กไม่สมควรอย่างยิ่งจะทำให้เสียการเรียน เสียเงินและหมกมุ่นอยู่แต่สิ่งนี้สิ่งเดียว และที่คนไทยนิยมดูเป็นอันดับหนึ่ง มีส่วนมาจากร้านอินเตอร์เน็ตที่ติดป้ายบอกว่าที่นี่มีแคมฟร็อกด้วย บางร้านถึงกับเปิดโปรแกรมนี้ไว้ทุกเครื่อง อย่างเช่นที่ร้านเกมหลังมหาวิทยาลัย สังคมทุกวันนี้หากมองภายนอกจะปกติ แต่มองลึกลงไปเริ่มเสื่อมถอยลง เพราะมัวแต่หมกมุ่นเรื่องเพศกันมาก"


น. ส.มนัสนันท์ โถวรุ่งเรือง คณะวิทยาศาสตร์ มจษ. บอกว่า โปรแกรมนี้ไม่เหมาะสมที่จะดู เพราะไม่มีการควบคุม ใครจะทำอะไรก็ได้ไม่มีข้อจำกัด ซึ่งเจ้าของเว็บไซต์ทำเพื่อธุรกิจของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา ถูกปิดไปก็ดีแล้วคนจะได้ไม่หมกมุ่น ปัญหาอาชญากรรมการข่มขืนจะได้ไม่เกิดขึ้นด้วย เพราะเป็นสิ่งไม่ดีไม่เหมาะกับสังคมไทยและผิดจริยธรรม เพียงแค่พูดคุยกันเห็นหน้ากันก็พอแล้วไม่ต้องถึงกับโชว์ของสงวนของตัวเองให้ คนอื่นดู


"พวกโชว์นี้เป็นพวกโรคจิตทำให้เสียชื่อเสียงคนไทย ทั้งประเทศ และจะทำให้คนดูเกิดตัณหาและหมุกมุ่นตามไปด้วย จริงๆ แล้วควรจะจับเจ้าของเว็บไซต์ดังกล่าวด้วย และไม่ใช่โปรแกรมนี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โปรแกรมอื่นที่มีภาพโป๊หรืออนาจารก็ควรถูกปิด และควรมีมาตรการควบคุมมากกว่านี้ เช่น เวลาใครเปิดเข้าไปดูเว็บโป๊เครื่องนั้นจะ error ทันทีและเข้าไม่ได้อีก หากทำได้อย่างนี้ประเทศไทยก็คงจะดีขึ้น"


นายพีรพัฒน์ ตอเงิน คณะวิทยาศาสตร์ มจษ. บอกว่า คนที่โชว์นี้เป็นพวกจิตวิปริต มีความผิดปกติทางจิตใจรวมถึงพวกที่ชอบดูด้วย ซึ่งเป็นค่านิยมที่ผิดและเป็นการประจานประเทศและตัวเองให้เสื่อมลง ปัญหาตรงนี้คิดว่าเป็นความผิดพลาดของกระทรวงไอซีที ที่หละหลวม และปล่อยให้เรื้อรังไม่จัดการกับเว็บไซต์นี้ตั้งแต่แรกที่รู้ ทำไมต้องปล่อยให้คนดูทั้งประเทศก่อนจึงจะเข้ามาจัดการ ซึ่งต่อไปควรจะมีมาตรการควบคุมที่ดีกว่านี้ เช่น ห้องนี้อายุเท่าไรจึงจะเข้าไปดูได้ หรือห้องนี้จะเต้นโชว์ก็ห้ามถอดเสื้อผ้า เป็นการจัดขอบเขตของการใช้งานให้เหมาะสม


"ยอมรับว่าเข้าไปดู โปรแกรมนี้ค่อนข้างบ่อย แต่จะเข้าไปหาเพื่อนคุยมากกว่าไม่ได้มีจุดประสงค์อย่างนั้น จึงอยากบอกว่าแม้ยุคนี้จะเป็นยุคของไอทีก็ตาม ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตควรจะรู้ขอบเขตว่าจะใช้อะไรและใช้ให้ถูกต้อง อย่าใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะเด็กผู้ใหญ่ควรใส่ใจว่าลูกกำลังทำอะไร เปิดอินเตอร์เน็ตเพื่ออะไร ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกอยู่ในห้องเพียงลำพัง เพราะอาจจะทำให้เด็กเปิดเข้าไปดูเว็บโป๊จนทำให้เสียการเรียนได้" พีรพัฒน์กล่าว


นายวรายุทธ ด่านสมบูรณ์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ราชภัฏพระนคร (มรภ.พระนคร) มีความคิดเห็นว่า แคมฟร็อกน่าจะใช้ในการติดต่อสื่อสารในเรื่องธุรกิจ เรื่องงาน หรือใช้ในการแช็ต คุยกับเพื่อน เพื่อปรึกษากัน เพราะข้อดีคือสามารถมองเห็นหน้ากันได้ แต่ว่าคนไทยชอบนำข้อดีของเว็บนี้มาใช้ในทางที่ผิด คือ การคุยหาคู่ จีบกัน รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์มันร้ายแรงมากๆ คือลามก อนาจาร ทำให้ผู้เล่นที่หัวอ่อนอาจจะถูกหลอกได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นหลอกไปค้าประเวณี หรือแอบถ่าย เห็นด้วยนะที่แคมฟร็อกถูกบล็อกไปจะได้ทำให้สังคมไทยดีขึ้นกว่าเดิม ไม่มีการหมกมุ่นเรื่องนี้


นาย วีรศักดิ์ ทองนพเก้า คณะวิทยาการจัดการ มรภ.พระนคร กล่าวว่า ตนคิดว่าแคมฟร็อกเป็นเว็บที่สามารถคุยกับชาวต่างชาติได้ และเห็นหน้ากันได้ด้วย ซึ่งทำให้มีเพื่อนเยอะ หลายเชื้อชาติ และเป็นการฝึกภาษาได้อีกต่างหาก พอมีคนเข้าไปใช้ในทางที่ผิดก็คือทางลามก เว็บไซต์นี้ก็กลายเป็นแหล่งมอมเมาเยาวชน เสื่อมเสียด้านศีลธรรมและวัฒนธรรม ซึ่งก็รู้ว่าคนไทยไม่ค่อยเปิดรับเท่าไหร่ ไม่เหมือนชาวต่างชาติ และเห็นด้วยอย่างยิ่งที่มีการแบนเว็บนี้ไป เพราะได้ทำให้สังคมไทยของเราสูงขึ้น ถ้าจะให้ดีเว็บไซต์ไหนที่ส่อไปในทางลามกก็ควรปิดไปอย่างน้อยก็ช่วยลดปัญหา ทางสังคมได้หลายๆ ปัญหา


น.ส.กมลรัตน์ ชิวภักดี คณะวิทยาการจัดการ มรภ.พระนคร กล่าวว่า แคมฟร็อกก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เหมือนดาบสองคม ถ้าใช้ไปในทางที่สร้างสรรค์ก็สามารถทำให้เกิดประโยชน์ได้ เช่น เราคุยเรื่องงาน เรื่องเรียนกับเพื่อน หรือแช็ตคุยกับเพื่อนนานาประเทศ เพราะสามารถเห็นหน้ากันได้ และสื่อสารกันเข้าใจมากกว่าเดิม


ข้อ เสียคือเมื่อมองเห็นหน้ากันได้ก็ต้องมองเห็นอย่างอื่นได้เหมือนกัน ก็เลยทำให้มีผลกระทบต่อสังคมมากขึ้นในส่วนของลามก อนาจาร ผู้เล่นบางคนสามารถถูกยุได้ ให้ทำเรื่องลามกได้ในวิธีต่างๆ ทำให้ทั้งผู้เล่นและผู้ดูเกิดความหมกมุ่น มัวเมา คิดว่าน่าจะเอาเวลาที่มาเล่นหรือดูสิ่งเหล่านี้ไปทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อ สังคมน่าจะดีกว่า เห็นด้วยที่บล็อกเว็บนี้


ปัญหาของแคมฟร็อกอาจเป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทย แต่ปัญหาเด็กวัยรุ่นกลุ่มเล็กที่เสพติดเซ็กซ์เป็นเรื่องเก่า ที่ยังแก้กันไม่ตก

และที่น่าเป็นห่วงคือคนกลุ่มเล็กเหล่านี้กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

แคมฟร็อก การประทุษร้ายต่อสังคมบนอินเตอร์เน็ต

แคมฟร็อก(Camfrog) เป็นโปรแกรมสนทนาผ่านกล้องเว็บคาเมรา หรือเว็บแคม จริงๆ แล้วเป็นแคมฟร็อก เป็นเพียงโปรแกรมติดต่อสื่อสาร 2 ทางระหว่างบุคคลที่พัฒนาขึ้นมา โดยบริษัท แคมแชร์ฯ เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถแชร์เว็บแคมผ่านทางอินเตอร์เน็ตได้ง่ายยิ่งขึ้น

ซึ่งบริษัทดังกล่าวเปิดให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกดาวน์โหลดโปรแกรม ชุดทดลองมาติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ฟรี หากถูกใจสามารถซื้อชุดเต็มที่มีฟีดเจอร์การทำงานสูงกว่า อาทิ แสดงภาพคมชัดเต็มหน้าจอ หรือสามารถแสดงหน้าจอคู่สนทนาที่มีกล้องได้สูงสุด 10 จอ ไปติดตั้งได้ สำหรับการเข้าไปใช้งานโปรแกรมดังกล่าวนั้นจะต้องลงทะเบียนใช้งานเหมือน โปรแกรมสนทนาทั่วไป หลังจากนั้นก็สามารถเข้าไปเลือกห้องสนทนาพูดคุยและแสดงวิดีโอ ซึ่งมีห้องสนทนาให้เลือกหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว กีฬา ภาษา ดนตรี วัฒนธรรม แต่เรื่องที่กำลังน่าสนใจมากที่สุดเวลานี้คือ 'เรื่องราวทางเพศ'

ส่วนการเป็นเจ้าของห้องสนทนาในแคมฟร็อกนั้น ต้องซื้อโค้ดที่เราเรียกว่า 'Camfrog server pro' ราคาประมาณ 195.95 เหรียญสหรัฐ และจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าเครื่องแม่ข่าย เพื่อฝากห้องสนทนา

การประทุษร้ายต่อสังคมบนอินเตอร์เน็ต
รูปแบบของการกระทำผิด ซึ่งเป็นการประทุษร้ายต่อสังคม โดยมีการกระทำบนอินเตอร์เน็ตมีหลายรูปแบบ ดังนี้

1. แอบถ่าย คือการตั้งกล้องถ่ายภาพ เพื่อแอบถ่ายคนที่เข้าห้องน้ำ หรือลองเสื้อผ้า แล้วนำภาพไปเผยแพร่ทางอี-เมล์ หรือ เว็บไซต์

2. การใส่ความ กระทำผ่านกระดานข่าว อาจเป็นการใส่ความ เพื่อทำลายคู่แข่งก็ได้ เช่น ตั้งกลุ่มแชตขึ้นมา เพื่อสร้างกระแส โดยใส่ข้อความให้อีกฝ่ายเสียหาย

3. การขายบริการทางเพศ โดยใช้อี-เมล์ และห้องแชตในการเสนอขาย และต่อรองราคา อาจมีการเชื่อมต่อกล้องถ่ายรูปเข้ากับอินเตอร์เน็ตทำให้มองเห็นหน้าตา และรูปร่างของคู่ค้า

4. การเจาะระบบ คือการเข้าระบบคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเข้าไปแล้วก็ไปสำรวจ แก้ไข ลบ เปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือขโมยข้อมูลไป ทำให้เจ้าของระบบเสียหาย

5. การขโมยเว็บไซต์หรือชื่อโดเมน ทำได้โดยการเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลในฐานข้อมูลของผู้ดูแลระบบโดเมน โดยอาจเปลี่ยนชื่อเจ้าของโดเมนที่แท้จริงให้ กลายเป็นชื่อของตนเอง หรือแก้ไขชื่อเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ให้เป็นเครื่องอื่นแทน ทำให้เจ้าของเข้าเว็บตัวเองไม่ได้

6. เผยแพร่ภาพลามกอนาจารบนอินเตอร์เน็ต ทางเว็บไซต์ อี-เมล์ หรือ ห้องสนทนา ฯลฯ

7. การขโมยใช้บัตรเครดิตของผู้อื่น โดยขโมยเลขที่บัตรเครดิตมาใช้ซื้อสินค้า และบริการบนอินเตอร์เน็ต

8. ขโมยบัญชีอินเตอร์เน็ต คือแอบใช้บัญชีของคนอื่น หรือขโมยบัญชีมาขายต่อ

9. การพนันบนอินเตอร์เน็ต เช่น พนันบอล

10. การแชตด้วยภาษาหยาบคาย ข่มขู่ หรือคุกคามคนอื่น

11. การแพร่ไวรัสคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายของคนอื่นไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ

12. การล่อลวง โดยใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อ ส่งอี-เมล์นัดหมาย แชตจนเหยื่อไว้วางใจแล้วลวงออกมาทำร้ายร่างกายหรือชิงทรัพย์

13. การชวนเชื่อให้ทำผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม เช่น ชักชวนให้ร่วมเพศกับสัตว์ ร่วมเพศกับเด็ก เหยียดสีผิว โดยชี้นำว่าเป็นสิ่งดีที่คนนิยมทำกัน